การศึกษาก้าวไกลสู่เส้นชัยยุคโลกาภิวัตน์
----------------------------------------------------------------------------------
ปัจจุบันโลกเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นั่นก็คือ “ยุคโลกาภิวัตน์” ส่วนสำคัญในยุคนี้คือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ก้าวไกลออกไปอย่างไร้พรมแดนมนุษย์ในโลกนั้นต้องเป็นผู้ที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาเสริมสร้างให้ตนเองนั้นมีวิธีการสื่อสารและมีความสามารถในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัตน์นี้
นอกจากวิถีชีวิตของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปก็ยังมีสิ่งต่างๆหลายด้านที่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
หลายๆฝ่ายจึงต้องหันมาให้ความสำคัญและให้ความสนใจ
โดยเฉพาะการศึกษาไทยในยุคโลกาภิวัตน์ ผู้สอนจะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
วิธีการสอนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สอนต้องสามารถใช้จัดการชั้นเรียนได้อย่างหลากหลายเพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีการสอนที่เหมาะสมในยุคโลกาภิวัตน์นั่นคือวิธีการสอนแบบ Active
Learning โดยเน้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิด
วิเคราะห์จากกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นหลัก
ในปัจจุบันมีวิธีการจัดการชั้นเรียนอย่างมากมายที่ผู้สอนสามารถนำไปบูรณาการปรับใช้ในชั้นเรียนให้มีความเหมาะสมกับสภาพในแต่ละชั้นเรียนได้มากยิ่งขึ้น
จากการที่คณะผู้จัดทำได้ไปทัศนศึกษางานมหกรรม
๑๐๐ ปี การศึกษาเอกชน ปี ๒๕๖๑ ระดับ ๑๔ จังหวัดภาคใต้ได้พบวิธีการสอนที่น่าสนใจ
คือ วิธีการสอนแบบสาธิต(Demonstration)
วิธีการสอนแบบการแสดงละคร(Dramatization) และวิธีการสอนโดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง(Self
Study)
วิธีการสอนแบบสาธิต (Demonstration) คือวิธีการสอนที่ครูมีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนการสอนคือ ครูจะต้องเป็นผู้ที่ลงมือปฏิบัติ หรือสาธิตในสิ่งที่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้ โดยในระหว่างการสาธิตนั้นสามารถเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถามในสิ่งที่สนใจหรือสงสัย ก่อนที่จะให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง จากการสัมภาษณ์ครูเปิ้ล หรือคุณครูปัญศิลา จันทร์สุรางค์ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนประจำโรงเรียนการอาชีพเรือสำราญและการโรงแรม โดยมีเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์มีดังนี้
วิธีการสอนแบบสาธิต (Demonstration) คือวิธีการสอนที่ครูมีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนการสอนคือ ครูจะต้องเป็นผู้ที่ลงมือปฏิบัติ หรือสาธิตในสิ่งที่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้ โดยในระหว่างการสาธิตนั้นสามารถเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถามในสิ่งที่สนใจหรือสงสัย ก่อนที่จะให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง จากการสัมภาษณ์ครูเปิ้ล หรือคุณครูปัญศิลา จันทร์สุรางค์ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนประจำโรงเรียนการอาชีพเรือสำราญและการโรงแรม โดยมีเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์มีดังนี้
ที่โรงเรียนมีการดำเนินการจัดการเรียนการสอนแบบสาธิตอย่างไรคะ
“หลักสูตรของเราเป็นหลักสูตรระยะสั้น ๘ เดือน เป็นการศึกษาแนวใหม่นักเรียนจึงต้องเรียนในส่วนของทฤษฎีและปฏิบัติในทางทฤษฎีนักเรียนจะเรียนในส่วนของภาษาอังกฤษที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันในเรื่องของการทำงานในเรือ ส่วนในเรื่องของการปฏิบัติก็จะเรียนเรื่องของการทำค็อกเทล กาแฟสด ไวน์ การจัดโต๊ะอาหารหรือการบริการในห้องอาหารทั้งหมดค่ะ”
คุณครูมีวิธีการสอนแบบการสาธิตอย่างไรบ้างคะ
“โดยปกติที่โรงเรียนจะเรียนโดยใช้ภาษาอังกฤษและการลงมือปฏิบัติเป็นหลัก เด็กนักเรียนจะได้สัมผัสจากการชงจริงๆ ใช้วัตถุดิบจริงๆ โดยมีอาจารย์ที่ชำนาญการระดับประเทศ คืออาจารย์ธนบรรณ ซึ่งเราได้เชิญมาเป็นผู้บริหารของโรงเรียน และท่านเองก็เป็นอาจารย์ผู้สาธิตบทเรียนต่างๆในชั้นเรียนด้วยค่ะ”
ผลตอบรับที่ได้รับจากการสอนแบบสาธิตเป็นอย่างไรบ้างคะ
“เรียกว่าสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ค่ะ เพราะจริงๆแล้วหลักสูตรของเราเป็นหลักสูตรระยะสั้นการให้เด็กได้สัมผัส
หรือให้เด็กทำจริงๆ ซึ่งเขาอยู่กับเราแค่ ๒ เดือน เดือนที่ ๓ –๖ เด็กต้องไปฝึกงานในโรงแรม ๕
ดาวแล้ว หมายถึงว่า เด็กต้องมีวิชามากพอสมควรที่จะต้องลงไปปฏิบัติงานจริงเด็กก็ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การฝึกงานตอน๖ เดือน”
เมื่อสำเร็จการศึกษาสามารถทำงานได้ที่ไหนบ้างคะ
“ที่นี่ก็ตรงตัวอยู่แล้วนะคะว่าเราจะส่งนักเรียนลงทำงานในเรือสำราญและโรงแรมห้าดาว ขั้นตอนไม่ได้มีอะไรมากถ้าเกิดว่าน้องๆเรียนแล้วทำครบกระบวนการของโรงเรียน คือ หนึ่งจะได้ในส่วนของการเรียนครบ ๒ เดือน และฝึกงานครบ ๖ เดือน ได้ประกาศของโรงเรียน SCOT ๑ ใบ และได้ใบประกอบของโรงแรมห้าดาวอีกหนึ่งใบรวมแล้ว ๒ ใบ โรงเรียนก็จะพาเด็กลงไปสอบยังบริษัทเรือสำราญซึ่ง Contact กันไว้แล้ว ๒๗ บริษัท ก็เลือกเอาว่าจะไปน่านน้ำไหนจะไปน่านน้ำฝั่งเอเชียก็จะมีค่าตอบแทนเป็นเงินเหรียญ เทียบเป็นเงินไทย ๓๔,๐๐๐บาท แต่ถ้าเด็กได้ฝั่งยุโรปค่าตอบแทนประมาณ ๖๐,๐๐๐บาท ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมทิปนะคะ”
![]() |
การสาธิตการทำค็อกเทล |
![]() |
ผู้สัมภาษณ์และผู้ให้สัมภาษณ์การสอนแบบสาธิต |
วิดีโอสัมภาษณ์การสอนแบบสาธิต
ในปัจจุบันนักเรียนจะเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาสาระวิชาต่างๆโดยนักเรียนจะเรียนรู้จากการฟังบรรยายเพียงอย่างเดียวซึ่งจะทำให้เกิดความน่าเบื่อและไม่เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ค่อยได้ฝึกการลงมือปฏิบัติจริง หรือไม่ได้เรียนรู้ในสถานการณ์จริง โดยการที่ให้นักเรียนได้มีบทบาทในการเรียนรู้อย่างเต็มอย่างเช่น การสอนโดยใช้การแสดงละคร ซึ่งผู้เรียนได้ลงไปเล่นได้รับบทบาทสมมติของตัวละคร ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงอย่างเต็มที่ตามความเข้าใจของผู้เรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้ซึมซับบทบาทพฤติกรรมของตัวละคร และจะมีการอภิปรายร่วมกันระหว่างครูและผู้เรียนเพื่อสรุปความรู้ที่ได้รับ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและจดจำเรื่องราวของตัวละครในเนื้อเรื่องได้ดีขึ้น
วิธีสอนโดยใช้การแสดงละคร(Dramatization) คือ กระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ โดยการให้ผู้เรียนแสดงละคร ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามเนื้อหาและบทละครที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ทำให้เรื่องราวนั้นมีชีวิตขึ้นมา และสามารถทำให้ทั้งผู้แสดงและผู้ชมเกิดความเข้าใจและจดจำเรื่องนั้นได้นาน จากการสัมภาษณ์คุณครูพัฒน์นรี คงเพชร์ ซึ่งเป็นคุณครูประจำโรงเรียนอนุบาลชุลีกร โดยมีเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์มีดังนี้ คุณครูนำวิธีการสอนแบบการแสดงละครไปใช้ในการสอนอย่างไรบ้างคะในห้องเรียน
“ถ้าเป็นในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ปกติเด็กจะไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของวรรณคดีในเรื่องของตัวละคร จะมีการจำลองเหตุการณ์หรือจำลองเรื่องราวโดยให้เเต่งเป็นตัวละคร การเเต่งเป็นตัวละครจะมีการประยุกต์นำเอาวัสดุรอบตัว เช่น ใช้ผ้าขาวม้ามาแต่งตัวและแสดงบทบาท เพื่อให้เด็กจำตัวละครนั้นได้ง่ายปะติดปะต่อเรื่องได้ง่ายมากกว่าการอ่านด้วยกลอนเพียงอย่างเดียว”
ครูมีบทบาทอย่างไรบ้างคะ
“ครูมีบทบาทในการชี้แนะ พูดในเรื่องของกรอบเรื่องตัวละคร
ส่วนการดำเนินเรื่องครูจะอ่านให้เด็กเข้าใจในตัวเรื่องก่อน จะมีการทดสอบความเข้าใจ
แล้วจะให้อิสระกับเด็กได้เลือกว่าจะเป็นตัวละครอะไร
จากการสะท้อนความคิดของตัวละครจากเนื้อเรื่อง” มีวิธีการดำเนินการสอนอย่างไรบ้างคะ
“พูดคุยอภิปรายว่าเราจะมีตัวละครอะไรบ้าง เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ผลสุดท้ายของตัวละครเป็นอย่างไร และอภิปรายสรุปผลร่วมกัน”
บรรยากาศในห้องเรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณครูมีวิธีจัดการกับเด็กพิเศษอย่างไรบ้าง
“ครูต้องสังเกตอารมณ์ของนักเรียนก่อน บางวิชาที่เนื้อหาสาระเยอะเกินไป อ่านอย่างเดียวเด็กก็จะเบื่อ ครูต้องหาแรงกระตุ้น เช่น สร้างสถานการณ์จำลองให้เด็กได้มีส่วนร่วมทุกคน และเด็กพิเศษ ครูจะสอนให้อยู่กันแบบพี่แบบน้อง จะไม่มีการแบ่งแยกคนเก่ง คนไม่เก่ง ทุกคนจะเท่าเทียมกัน”
คุณครูนำสื่อนวัตกรรมมาใช้อย่างไรบ้างคะในการจัดการเรียนการสอน
“จะนำสื่อนวัตกรรมมาใช้ในทุกหมวดวิชา ภาษาไทย คณิตศาสตร์ เด็กเล็กๆจะต้องอาศัยการเรียนรู้ได้เห็น ได้ลงมือทำ เพื่อเกิดการเรียนรู้ได้จริง จำได้นาน”
การสอนแบบแสดงละคร |
การสอนแบบแสดงละคร |
วิดีโอสัมภาษณ์การสอนแบบแสดงละคร
นอกจากวิธีการสอนที่ผู้สอนมีบทบาทเป็นหลักในการจัดการเรียนรู้แล้วก็ยังมีวิธีการสอนที่ผู้เรียนมีบทบาทเป็นหลักในการจัดการเรียนรู้ด้วยเช่นกันนั่นก็คือ วิธีการสอนโดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Study)
วิธีการสอนโดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง(Self
Study) คือ
กระบวนการการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีความคิดริเริ่มในการวิเคราะห์ความต้องการของตนเองในการที่จะศึกษาหาความรู้
โดยที่ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดเป้าหมายรวมไปถึงประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
เพื่อทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะและประสบการณ์ในการเรียนรู้และแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
ซึ่งจะทำให้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข จากการสัมภาษณ์คุณครูพัฒน์นรี คงเพชร์
ซึ่งเป็นคุณครูประจำโรงเรียนอบุบาลชุลีกร (มอนเทสซอรี่) โดยเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์มีดังนี้
ขั้นตอนที่ใช้สำหรับการสอนโดยการเรียนรู้ด้วยตนเองมีอะไรบ้างคะ
“โรงเรียนชุลีกรจะมีนวัตกรรมในการสอนที่เรียกว่า “มอนเทสซอรี่” จะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่เด็กได้ทำจะเป็นรูปธรรมเป็นสิ่งที่เด็กสามารถจับต้องได้ก่อน โดยอาจารย์จะทำการฝึกเด็กตั้งแต่เด็กอนุบาล ดังจะเห็นว่าทุกชั้นเรียนของเราจะมีอุปกรณ์การเรียนรู้หมดเลยซึ่งจะทำให้เด็กจดจำรูป ก่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง จากนั้นเมื่อเด็กจดจำรูปที่เป็นรูปธรรมได้ก็จะเชื่อมต่อไปสู่นามธรรมในชั้นประถมซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบเน้นการสัมผัสและการจำนั่นเอง”
บทบาทของครูต่อผู้เรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ
“ครูจะเป็นผู้คอยช่วยเหลือกำกับและดูแล หลักๆก็จะเป็นการถ่ายทอดความรู้ของครูไปสู่นักเรียน เด็กก็จะเรียนรู้จากการสาธิตของครูจากนั้นครูก็จะปล่อยให้เด็กไปลงมือทำหรือเรียนรู้ด้วยตนเองจากสิ่งที่เห็นมาซึ่งเด็กจะลงมือทำและได้เรียนรู้ด้วยตนเองไม่ว่าจะผิดหรือถูกครูจะไม่เข้าไปขัดขวางแต่ครูจะมาแก้ไขข้อผิดพลาดของเด็กในภายหลัง”
บทบาทของนักเรียนในชั้นเรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ
“เด็กนักเรียนจะเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีอิสระในการเรียนรู้ เด็กสามารถใช้อุปกรณ์ในการเรียนรู้ในวิชาใดก็ได้ เด็กจะมีการบริหารและควบคุมตนเองได้”
บรรยากาศในชั้นเรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ
“บรรยากาศในห้องเรียนก็จะประกอบไปด้วยสื่ออุปกรณ์ที่อยู่บนชั้นวาง เมื่อเด็กเข้าแถวเข้าห้องเรียนและทำกิจกรรรมโฮมรูมเสร็จเด็กก็จะมีอิสระในการเรียนรู้ไม่ว่าอยากจะใช้สื่อชนิดใดในการเรียนรู้ก็สามารถเลือกได้ แต่ถ้าเด็กคนใดที่เรียนรู้หรือทำมาหมดแล้วเด็กก็สามารถเรียนรู้ในแบบนามธรรมและสามารถช่วยเหลือตนเองได้”
ขอทราบถึงประสิทธิภาพและความแตกต่างของการใช้วิธีสอนแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองกับแบบธรรมดาทั่วไปว่ามีประสิทธิและมีความแตกต่างอย่างไรบ้างคะ
“การเรียนรู้ด้วยตนเองจะทำให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ เด็กจะมีความรู้ที่ยั่งยืนเพราะเด็กได้ทำอะไรด้วยตนเองได้เห็นเองได้คิดเอง แต่ถ้าครูเป็นผู้บอก บอกครู่เดียวเด็กก็อาจจะจำแค่ชั่วโมงนี้แต่พอไปถามอีกทีความรู้ที่ครูบอกอาจจะลบเลือนไปแล้ว”
ขั้นตอนที่ใช้สำหรับการสอนโดยการเรียนรู้ด้วยตนเองมีอะไรบ้างคะ
“โรงเรียนชุลีกรจะมีนวัตกรรมในการสอนที่เรียกว่า “มอนเทสซอรี่” จะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่เด็กได้ทำจะเป็นรูปธรรมเป็นสิ่งที่เด็กสามารถจับต้องได้ก่อน โดยอาจารย์จะทำการฝึกเด็กตั้งแต่เด็กอนุบาล ดังจะเห็นว่าทุกชั้นเรียนของเราจะมีอุปกรณ์การเรียนรู้หมดเลยซึ่งจะทำให้เด็กจดจำรูป ก่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง จากนั้นเมื่อเด็กจดจำรูปที่เป็นรูปธรรมได้ก็จะเชื่อมต่อไปสู่นามธรรมในชั้นประถมซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบเน้นการสัมผัสและการจำนั่นเอง”
บทบาทของครูต่อผู้เรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ
“ครูจะเป็นผู้คอยช่วยเหลือกำกับและดูแล หลักๆก็จะเป็นการถ่ายทอดความรู้ของครูไปสู่นักเรียน เด็กก็จะเรียนรู้จากการสาธิตของครูจากนั้นครูก็จะปล่อยให้เด็กไปลงมือทำหรือเรียนรู้ด้วยตนเองจากสิ่งที่เห็นมาซึ่งเด็กจะลงมือทำและได้เรียนรู้ด้วยตนเองไม่ว่าจะผิดหรือถูกครูจะไม่เข้าไปขัดขวางแต่ครูจะมาแก้ไขข้อผิดพลาดของเด็กในภายหลัง”
บทบาทของนักเรียนในชั้นเรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ
“เด็กนักเรียนจะเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีอิสระในการเรียนรู้ เด็กสามารถใช้อุปกรณ์ในการเรียนรู้ในวิชาใดก็ได้ เด็กจะมีการบริหารและควบคุมตนเองได้”
บรรยากาศในชั้นเรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ
“บรรยากาศในห้องเรียนก็จะประกอบไปด้วยสื่ออุปกรณ์ที่อยู่บนชั้นวาง เมื่อเด็กเข้าแถวเข้าห้องเรียนและทำกิจกรรรมโฮมรูมเสร็จเด็กก็จะมีอิสระในการเรียนรู้ไม่ว่าอยากจะใช้สื่อชนิดใดในการเรียนรู้ก็สามารถเลือกได้ แต่ถ้าเด็กคนใดที่เรียนรู้หรือทำมาหมดแล้วเด็กก็สามารถเรียนรู้ในแบบนามธรรมและสามารถช่วยเหลือตนเองได้”
ขอทราบถึงประสิทธิภาพและความแตกต่างของการใช้วิธีสอนแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองกับแบบธรรมดาทั่วไปว่ามีประสิทธิและมีความแตกต่างอย่างไรบ้างคะ
“การเรียนรู้ด้วยตนเองจะทำให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ เด็กจะมีความรู้ที่ยั่งยืนเพราะเด็กได้ทำอะไรด้วยตนเองได้เห็นเองได้คิดเอง แต่ถ้าครูเป็นผู้บอก บอกครู่เดียวเด็กก็อาจจะจำแค่ชั่วโมงนี้แต่พอไปถามอีกทีความรู้ที่ครูบอกอาจจะลบเลือนไปแล้ว”
จากการสัมภาษณ์คุณครูทั้ง ๒ ท่าน ซึ่งเป็นผู้ใช้วิธีการสอนทั้ง ๓ ในการจัดการชั้นเรียนในชั้นเรียนของตนเองทำให้ทราบว่า วิธีการสอนแบบสาธิต(Demonstration) เป็นการจัดการเรียนรู้โดยการเน้นวิธีการสอนแบบการสาธิต
ทำให้ดูเพื่อเป็นตัวอย่างและแนวทาง เป็นวิธีการสอนที่เหมาะสมกับบทเรียนที่ต้องลงมือปฏิบัติจริง
และเป็นวิธีการสอนที่ทำให้นักเรียนเข้าใจ
สามารถเห็นภาพในสิ่งที่ครูหรืออาจารย์ถ่ายทอดออกมาได้โดยง่าย วิธีสอนโดยใช้การแสดงละคร(Dramatization) เป็นวิธีการสอนที่ผู้เรียนได้มีบทบาทในการเรียนรู้ได้เห็นกับตาและลงมือปฏิบัติจริง ในการแสดงละคร ซึ่งครูจะมีการเตรียมการล่วงหน้า
และตอนสุดท้ายจะมีการอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปเรื่อง
ช่วยให้เข้าใจเนื้อเรื่องและจดจำเรื่องราวได้ดี และยังฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
ฝึกจิตนาการ ความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย วิธีการสอนโดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง(Self
Study) เป็นวิธีการที่ทำให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือตนเองได้
สามารถรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำและพึงต้องกระทำ
เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ผ่านความสนใจของตนเองเป็นหลัก
โดยสิ่งที่ได้เรียนรู้นั้นผู้เรียนสามารถนำไปต่อยอดในการศึกษาและการใช้ชีวิตในอนาคตภายภาคหน้าได้
![]() |
สื่ออุปกรณ์เครื่องครัวที่ใช้ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง |
![]() |
การเรียนรู้ด้วยตนเอง |
การสัมภาษณ์การจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
นอกจากวิธีการสอนทั้ง ๓ วิธีที่ได้กล่าวมาข้างต้นยังมีวิธีการสอนอีกมากมายที่ผู้สอนสามารถนำไปบูรณาการและปรับใช้ในชั้นเรียนเพื่อให้สอดคล้องและเท่าทันผู้เรียนในยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมของแต่ละสภาพชั้นเรียนและเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน ทั้งนี้การนำวิธีการสอนต่างๆมาใช้ในแต่ละชั้นเรียนยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเอาใจใส่ของผู้สอนที่มีต่อผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนทุกคนสามารถเข้าถึงเนื้อหาบทเรียนได้อย่างทั่วถึง รวมไปถึงเป็นการบ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ของผู้สอนที่มีต่อวิชาชีพด้วยเช่นกัน
คณะผู้จัดทำ
นางสาวจุฑามาศ สินไชย รหัสนักศึกษา ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๐๔
นางสาวธิติมา รังศรี รหัสนักศึกษา ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๐๕
นางสาวบุษรา นวลวัฒน์ รหัสนักศึกษา ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๐๘
นางสาวปัทมาพร นิลละออ รหัสนักศึกษา ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๐๙
นางสาวปาริชาติ เมืองนุ้ย รหัสนักศึกษา ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๑๐
นางสาวพิชญา ปิติ รหัสนักศึกษา ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๑๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น